เมื่อเราทำเว็บไซต์ออกมาได้สมบูรณ์แล้ว สิ่งสำคัญประการต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือการฝากเว็บไซต์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งการฝากเว็บไซต์นั้นจำเป็นจะต้องเลือก Web Hosting ที่ได้คุณภาพเพื่อให้ข้อมูลสำคัญที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคุณไม่สูญหายและตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่าหลักการเลือก Web Hosting มีอะไรบ้างนั้น เรามาทำความรู้จักกับ Web Hosting ก่อนว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร
Web Hosting เป็นการเช่าพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์เพื่อฝากเว็บไซต์ โดยจะเป็นการฝากฐานข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ภาพ วิดีโอ หรืออีเมลเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถติดต่อกับเจ้าของเว็บไซต์ได้ ซึ่งโดยส่วนมากบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณมาก นิยมจัดหาเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเอง เพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมาก แต่ใช้งบประมาณสูงในการติดตั้งและจำเป็นจะต้องมีผู้ที่คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ส่วนบริษัทห้างร้านที่มีงบประมาณจำกัด และไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการเฉพาะทางดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จึงเลือกวิธีการเช่าเซิร์ฟเวอร์โดยให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัท Web Hosting นั้นๆ เป็นผู้ดูแล
ดังนั้นบริการ Web Hosting จึงถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์ให้ผู้ที่สนใจฝากเว็บไซต์ของตนเองขึ้นเซิร์ฟเวอร์โดยเสียค่าบริการในการเช่าเป็นรายเดือน รายปี หรือตามแต่ข้อตกลง โดยมีจะมีผู้ดูแลระบบเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณออนไลน์ได้ตลอดเวลา
เมื่อเรารู้ถึงความสำคัญของ Web Hosting แล้ว สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นประการต่อไปคือปัจจัยในการเลือก Web Hosting ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งที่คุณควรนำมาเป็นปัจจัยในการเลือก Web Hosting มีดังต่อไปนี้
1. ระบบปฏิบัติการ (Operation System) ปัจจุบัน เว็บไซต์สามารถสร้างได้ด้วยการใช้ภาษา ASP หรือ ASP.net หรือไม่ก็ PHP ซึ่งทั้ง 2 ภาษานี้จำเป็นที่ต้องใช้ Web Hosting ที่สนับสนุนคนละประเภท โดยภาษา ASP หรือ ASP.net นั้นจะต้องใช้ Web Hosting ที่เป็น Windows Hosting ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าค่อนข้างสูงเนื่องจากมีลิขสิทธิ์ของ Windows ส่วนภาษา PHP จะต้องใช้ Linux Hosting ซึ่งมีราคาในการเช่าถูกกว่ามากเนื่องจากเป็นระบบเปิด (open source) ซึ่งปัจจุบันมีผู้แก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้ระบบมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
2. พื้นที่การใช้งาน (Space) ผู้ให้บริการทุกรายมีการชี้แจงขนาดของพื้นที่สำหรับการใช้งานไว้อยู่แล้ว คุณเพียงแต่เลือกขนาดพื้นที่ให้เหมาะสมกับข้อมูลและประเภทเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งหากมีจำนวนหน้าน้อยและไม่มีแผนที่จะทำหน้าเว็บไซต์เพิ่มก็ไม่จำเป็นต้องเช่าพื้นที่เยอะ เพราะจะทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น แต่ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณเต็มไปด้วยข้อมูลที่เป็นเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ หรือมีแผนที่จะเพิ่มหน้าเว็บไซต์อีกเป็นจำนวนมาก เช่นการติดตั้ง ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต
3. ปริมาณในการรับส่งข้อมูล (Bandwidth) เว็บไซต์บางเว็บจะมีผู้เยี่ยมชมต่อวันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมนั้นจะมีผลต่อปริมาณของ bandwidth ซึ่งเป็นปริมาณของการรับส่งข้อมูลเข้าออก เพราะผู้ให้บริการบางแห่งจะจำกัดปริมาณรับส่งข้อมูลเป็นแบบต่อเดือน หรือแบบไม่จำกัด ซึ่งคุณจะต้องศึกษาและสอบถามข้อมูลให้แน่ใจก่อนที่จะเลือก เพราะแบบรายเดือนอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยไม่รู้ตัวหากใช้ bandwidth เกิน หรือหากเป็นแบบไม่จำกัดก็อาจมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแอบแฝงอยู่
4. ผู้ให้บริการ (Support Team) สำหรับผู้เช่าเซิร์ฟเวอร์นั้น ทีมที่ให้บริการในการดูแลเซิร์ฟเวอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากเว็บไซต์มีปัญหา ผู้ที่จะทำให้เว็บไซต์ออนไลน์ต่อไปได้คือทีมที่ดูแล ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตอบปัญหา ให้คำปรึกษา แก้ปัญหา และสามารถติดต่อได้ทุกทางตลอดเวลา โดยผู้ที่เช่าเซิร์ฟเวอร์ในประเทศนั้นจะได้เปรียบผู้ที่เช่าเซิร์ฟเวอร์ของต่างประเทศเพราะสามารถติดต่อพูดคุยได้ง่ายกว่า แต่ทั้งนี้การเลือกว่าจะใช้เซิร์ฟเวอร์ในหรือนอกประเทศก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายธุรกิจของคุณว่าเน้นให้ลูกค้าในประเทศหรือต่างประเทศเป็นผู้เข้าชมหลักด้วย เพราะการที่เซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศของกลุ่มเป้าหมายหลักจะทำให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
5. ราคา (Price) ผู้ให้บริการแต่ละหลายจะมีข้อเสนอราคาเป็นลักษณะ Package ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความสามารถของ Web Hosting ที่คุณเลือก สำหรับ Web Hosting ที่ราคาถูกที่สุด ก็จะมีข้อจำกัดในการใช้งานของ Web Hosting เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ที่ผิดลิขสิทธิ์ ไม่มีผู้ดูแล หรือการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพ เป็นต้น ส่วน Web Hosting ที่มีราคาแพงนั้นเป็นเพราะใช้ต้นทุนสูง มีผู้ดูแลตลอดเวลา ใช้อุปกรณ์ที่ถูกสิขสิทธิ์และได้คุณภาพ และอาจมีค่าบริการเสริมอื่นๆ อีก ดังนั้นการยอมเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่เหมาะสมเพื่อเลือกการทำงานที่ได้คุณภาพและมีผู้ดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีเสถียรภาพและตอบสนองผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน
หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นหลักที่สำคัญในการเลือก Web Hosting ที่มีคุณภาพ เมื่อคุณนำเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้มาช่วยในการตัดสินใจจะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในระบบที่ถูกต้องและไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง ดังนั้นคุณจึงควรศึกษาข้อมูลของผู้ให้บริการ Web Hosting ในแต่ละแห่งอย่างละเอียดเพื่อเปรียบเทียบก่อนทำการฝากเว็บไซต์ หรือ ติดต่อสอบถาม AUN Thai เพื่อพิจารณาการเลือกใช้งาน Web Hosting ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ